วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การนำเสนอปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

การแก้ปัญหาเครื่องคอมพิวเตอร์ช้า

1. ลดภาระของฮาร์ดดิสก์
ไม่ว่าฮาร์ดดิสก์ของคุณจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตาม มันจะทำให้ทั้งระบบช้าลงไปทันทีเมื่อถูกใช้บันทึกข้อ มูลจนเกือบจะถึง 90% ของความจุ การเพิ่มพื้นที่ว่างให้กับฮาร์ดดิสก์ด้วยการกำจัดโปร แกรมที่ไม่ค่อยได้ใช้ (ติดตั้งไว้เท่ห์ๆ เท่านั้น) ช่วยให้ระบบเร็วขึ้นกว่าเดิม 5-10%
สำหรับผู้ใช้ Windows 98/ME ให้คลิกปุ่ม Start -> Settings -> Control Panel ดับเบิ้ลคลิกบนไอคอน Add or Remove Programs
แต่ถ้าคุณใช้ Windows XP คุณจะทราบขนาดของโปรแกรม (Size) รวมถึงว่า มันถูกเรียกใช้บ่อยแค่ไหน (Frequency of use) และล่าสุดคุณเรียกใช้งานโปรแกรมดังกล่าวเมื่อไหร่ (Date Last Used) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจว่า คุณควรจะเก็บโปรแกรมอะไรไว้ในเครื่องของคุณบ้าง

ข้อพึงระวังในการตัดสินใจก็คือ โปรแกรม หรือ ซอฟต์แวร์บางตัวจะมีความสำคัญต่อระบบ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ ดังนั้น ในการลบควรเลือกพิจารณาลบเฉพาะแอพพลิเคชันที่คุณติดต ั้งแล้วไม่ค่อยได้ใช้ หรือใช้บ้างในบางโอกาส (rarely, occasionally) เป็นเป้าหมายแรกจะดีกว่า

เมือเลือกโปรแกรมที่ต้องการลบออกไปได้แล้ว คลิกปุ่ม Change/Remove (ถ้าเป็น Windows 98/ME คลิก Add/Remove)
ขณะถอดถอนโปรแกรม คุณอาจจะตกใจเมื่อพบกับข้อความว่า "If you want to remove a shared componet" ให้คลิกปุ่ม "no to all" เนื่องจากไฟล์พวกนี้มีขนาดเล็ก และอาจจำเป็นต่อการทำงานของโปรแกรมอื่นๆ ที่ยังอยู่ในระบบ
2. พิชิตขยะด้วย Disk Cleanup
ปรแกรมยูทิลิตี้ Disk Cleanup จะทำหน้าที่ลบไฟล์โปรแกรมที่ดาวน์โหลดมาไว้ในระบบ ไฟล์ชั่วคราวต่างๆ รวมทั้งที่รับเข้ามาในเครื่องขณะท่องเน็ต นอกจากนี้ยังมีพวกไฟล์ต่างๆ ที่ลบไว้แล้วยังคงค้างอยู่ใน Recycle Bin อีกด้วย
สำหรับ Disk Cleanup เวอร์ชัน Windows XP จะฉลาดขึ้นมาอีกนิดนึง ตรงที่มันสามารถลบออฟไลน์เว็บเพจ และบีบอัดไฟล์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานให้อีกด้วย ขั้นตอนการเรียกใช้ Disk Cleanup มีดังนี้

คลิกปุ่ม Start -> Programs -> Accessories -> System Tools -> Disk Cleanup

เลือกไดรฟ์ที่ต้องการทำความสะอาด (ปกติก็ไดรฟ์ C: นั่นแหละ) แล้วคลิกปุ่ม OK คลิกเลือก เช็คบ๊อกซ์หน้าหัวข้อที่คุณต้องการลบ แล้วคลิกปุ่ม OK

นอกจากนี้คุณยังสามารถลบองค์ประกอบการทำงานของ Windows ที่คุณไม่ใช้ได้อีกด้วย โดยเรียกโปรแกรม Disk Cleanup แล้วคลิกแท็บ More Options คลิกปุ่ม Clean up... ใต้หัวข้อ Windows Components ซึ่งคุณอาจจะลบเกมส์ รวมถึงแอคเซสซอรี่อื่นๆ ที่ไม่ได้จำเป็นสำหรับ Windows ที่คุณใช้งานอยู่ทุกวัน (แล้วจะเก็บมันไว้ให้เปลืองทรัพยากรของระบบทำไมเล่า จริงไหม)

ในแท็บ More Options ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ Windows XP ล้างข้อมูล Restore Point ได้อีกด้วย ซึ่งไฟล์เหล่านี้จะใช้สำหรับการกู้ระบบกลับมาให้เหมื อนเดิม หากระบบมีปัญหาหลังการติดตั้งฮาร์ดแวร์ หรือ ซอฟต์แวร์เข้าไปใหม่ (ข้อมูลสำหรับการเรียกคืนระบบมักจะมีขนาดใหญ่ไม่ใช่เ ล่นเลยทีเดียว) แค่คลิกปุ่ม Clean up... ภายใต้หัวข้อ System Restore แล้วคลิกปุ่ม Yes แค่นี้ Windows ของคุณก็จะหายใจหายคอได้มากขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว
3. ลดเวลาเริ่มต้นทำงาน (Startup time)
โปรแกรมพวกอินสแตนท์ แมสเสจจิ้ง (เช่น MSN ICQ ฯลฯ) มีเดียเพลย์เยอร์ และโปรแกรมต่างๆ ที่จะกำหนดให้เริ่มต้นทำงานโดยอัตโนมัติตอนเปิด Windows ขึ้นทำงาน โปรแกรมพวกนี้ทำให้เวลาที่ใช้ในการบู๊ตระบบนานขึ้น และยังชอบสวาปามทรัพยากรของระบบอีกด้วย
คุณสามารถยกเลิกการเริ่มต้นทำงานของโปรแกรมเหล่านี้โ ดยอัตโนมัติได้ด้วยการคลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run พิมพ์คำสั่ง msconfig คลิกปุ่ม OK คลิกแท็บ Startup คุณจะพบว่ามีรายชื่อโปรแกรมจำนวนหนึ่งที่จะถูกโหลดตอ นเปิดเครื่อง ซึ่งบางชื่อก็ง่ายที่จะเข้าใจได้ว่า มันเป็นชื่อของโปรแกรมอะไร แต่ส่วนใหญ่จะชื่อประหลาดๆ คุณสามารถค้นหาความหมายของชื่อประหลาดเหล่านี้ได้ที่ www.sysinfo.org/startuplist.php ยกเลิกเช็คบ๊อกซ์ของโปรแกรมต่างๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับคุณ คลิกปุ่ม Apply ตามด้วย OK ระบบจะแสดงพร้อมพ์ให้รีสตาร์ทเครื่อง

หลังจากรีสตาร์ทเครื่อง คุณจะได้รับข้อความแจ้งว่า System Configuration Utility is in Diagnostic or Selective Startup mode ให้คลิกเลือกเช็คบ๊อกซ์หน้าข้อความ "don't show this message again" แล้วคลิกปุ่ม OK
4. กำจัดไฟล์ซ้ำซาก
มันเป็นเรื่องง่ายมากที่คุณจะมีไฟล์ภาพซ้ำกันมากว่า 1 ก็อปปี้ในเครื่องของคุณ โดยเฉพาะผู้ใช้ที่นำไฟล์รูปภาพตรงกลางไปใช้ในโปรเจกต ์ต่างๆ (ที่แยกกันอยู่คนละโฟลเดอร์) โปรแกรมจัดการรูปภาพที่ดีจะช่วยลบไฟล์ภาพที่ซ้ำซ้อนซ ่อนอยู่ในระบบได้ (ความจริงมันมีไฟล์เอกสารอื่นๆ ด้วยที่พบว่า มีการเก็บซ้ำซ้อนในระบบ แต่ไฟล์พวกนี้มันเล็กกว่าไฟล์ภาพดิจิตอลมาก กำจัดไฟล์ภาพซ้ำซ้อนได้กำไรมากกว่า) มีโปรแกรมจัดการไฟล์รูปภาพหลายตัว แต่ในที่นี้แนะนำ Picasa (www.picasa.com/picasa) จาก Google ซึ่งแจกฟรี!!!
5. ตามล่าขยะด้วย Search
แม้ว่า 4 ขั้นตอนที่ผ่านมาจะเป็นการกำจัดขยะออกไปตลอดเวลาแล้ว ก็ตาม แต่เชื่อไหมว่า มันยังคงมีไฟล์ขยะที่ไม่จำเป็นหลบซ่อยอยู่ในเครื่องข องคุณ
สำหรับไฟล์ขยะที่มีขนาดใหญ่นี้ เราจะค้นหาด้วย Search ของ Windows โดยคลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Search เลือก All files and folders จากนั้นคลิกปุ่มเครื่องหมายลูกศรชี้ลงที่อยู่ถัดจากอ อปชัน "What size is it?" คลิกเลือก Large ตามด้วยปุ่ม Search

คุณอาจจะพบไฟล์วีดีโอ หรือไฟล์เพลงที่คุณเองก็ลืมไปแล้ว นอกจากนี้ยังอาจจะพบว่ามีไฟล์ข้อมูลเกมส์ต่างๆ ที่ไม่ได้เล่นนานแล้ว ถ้าชื่อไฟล์ที่พบไม่แน่ใจว่าเป็นไฟล์ที่ระบบใช้หรือไ ม่ ? แนะนำให้ลองค้นหาชื่อไฟล์ที่ไม่แน่ใจบนอินเตอร์เน็ตก ็แล้วกันนะครับ
6. เรียบเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบ ด้วย DiskDefragment

เมื่อมีการ ลบ-ลง โปรแกรม พอสมควร(อย่าง ลง-ลบ เกมใหญ่ๆสักเกม) การทำ DiskDefragment บ้าง จะเป็นการจับเรียบข้อมูลให้มีการประติดประต่อกันมากข ึ้น ช่วงให้การทำงานของ ฮาร์ดดิสก์ ทำงานได้ดีขึ้น

โดยการไปที่

Start -> Programs -> Accessories -> System Tools -> Disk Defragmenter

ปล. การทำ DiskDefragment จะเห็นผลมากที่สุดเมื่อข้อมูลถูกลบและลงไปใหม่ซ้ำๆกั นหลายๆครั้ง จะทำให้ข้อมูลเกิดการแยกตัว มันจะถูกนำมาเรียงให้ใหม่นั้นเอง
 
 

ปัญหา Power Supply จ่ายไฟไม่เพียงพอ

อาการ

เปิดติดแต่ไม่บู๊ต

หมายถึงเปิดแล้ว พัดลมของ เพาเวอร์ซัพพลาย หมุน แต่เครื่องไม่บู๊ต เป็นไปได้ว่า เพาเวอร์ซัพพลาย ไม่สามารถจ่ายไฟให้คอมพิวเตอร์ หรือจ่ายไฟได้ไม่พอ กรณีนี้ เพาเวอร์ซัพพลาย อาจจะไม่เสีย แต่จ่ายไฟได้ไม่พอกับกำลังที่คอมพิวเตอร์ต้องการ



อุปกรณ์บางตัวในคอมพิวเตอร์ไม่ทำงาน

อุปกรณ์บางตัวไม่ทำงาน เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม การ์ดจอ ไม่ทำงาน สาเหตุอาจเกิดจาก เพาเวอร์ซัพพลาย ไม่จ่ายไฟให้อุปกรณ์เหล่านั้นก็ได้ ตรวจสอบให้ก่อน อุปกรณ์อาจไม่เสีย แต่ที่เสียคือ เพาเวอร์ซัพพลาย



คอมดับพอเปิดสักพักก็ดับ พอเปิดอีกก็ดับไม่ได้ต้องถอดปลั๊กออก...แล้วเสียบใหม่ก็เปิดได้..แต่ก็ดับ

ตามหลักการ เมื่อระบบเริ่มทำงาน ระบบระบายความร้อน ยังไม่ทำงานเต็มระบบนัก จึงยังคงใช้พลังงานไฟฟ้าไม่มาก ต่อเมื่อทำงานไปได้สักระยะหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ.

1. ความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวแปรที่ทำให้ระบบ สั่งงานให้พัดลมระบายความร้อน ทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะ ชุดระบายความร้อนของ CPU , การ์ดจอภาพ ( ถ้ามี ) , ในชุด Power Supply เอง ดังนั้นต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เมื่อกระแสไฟฟ้าถูกดึงไปใช้ในการระบายความร้อน และ กำลังไฟที่เหลือไม่เพียงพอต่อการจ่ายให้กับอุปกรณ์อื่น เช่น Mainboard เป็นต้น.

2. ความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นไม่สามารถระบายออกไปได้ทัน เนื่องจากระบบระบายความร้อนด้อยประสิทธิภาพ หรือ ไม่มีระบบระบายความร้อนที่พอเพียง ระบบจะป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบ โดยการหยุดการทำงาน หรือ ตัดการจ่ายไฟเข้าระบบ

ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ระบบจะหยุดการทำงาน มักจะเกิดอาการ Hang หรือ เครื่องดับไปเฉยๆ โดยที่ หลอดไฟ LED ที่แสดงสถานะไฟฟ้า หน้าเครื่อง ยังติดสว่างอยู่ หรือ ดับไป แต่ หลอดไฟ LED ที่แสดงสถานะ Standby บน Mainboard ยังคงติดสว่างอยู่

ส่วนสาเหตุอื่นที่พิจารณาเป็นลำดับถัดๆ ไป คือ มีอุปกรณ์ในระบบเกิดอาการชำรุดเสียหาย เช่น Mainboard ไหม้เนื่องจากไฟเกิน , Ram เสีย หรือ เกิดสนิม , Disk Drive หรือ Optical Drive อาจมีการชำรุดเสียหายส่งผลต่อระบบ , การ์ดอื่นๆ อาจเกิดการชำรุดเสียหาย , หรือ ท้ายที่สุดเกิดปัญหาจาก Software เป็นปัญหาได้.

ฝากข้อคิดให้กับท่านที่จะเลือกซื้อ power supply ดังนี้


          ๑. อย่าดูแค่ว่ากี่วัตต์ ดูให้ดี ๆ ว่าแผง 12v นะจ่ายกระแสพอไหม อุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ มักกินไฟหนักที่ไฟตรงนี้ แนะนำว่ารวมกันประมาณ 25A ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
          ๒. เล็งให้ดีว่าเครื่องของคุณเป็นแบบ 20 pin เข้า mainboard 4 pin เข้า CPU หรือเปล่า แล้วมาดูว่าเจ้า power supply เขาออกแบบมาให้เสียบได้ แบบนั้นไหม ถ้าไม่ตรงกันมันแยกออกมา หรือมีสายอีกชุดที่ีเสียบเข้าได้พอดีหรือเปล่า
          ๓. ถ้าต้องการชัวร์ ๆ อยากได้ของดีแน่ ๆ ให้เลือกจากยี่ห้อดังต่อไปนี้ Corsair, Enermax, SeaSonic, Power PC & Cooling, Silverstone, Tagan, FSP และ BFG tech ส่วน CoolMAX, Antec และ OCZ นั้นใช้ได้แต่ต้องดูเป็นรุ่น ๆ ไป ส่วนท่านที่แค่จะเน้นถูกและดี(สมราคา)นั้น ยี่ห้อ Delta ทำในไทยนั้นทนทาน ใช้ได้เลย
          ๔. รุ่นที่ดีนั้นจะมี active PFC (Power Factor correction) ทำให้ประหยัดไฟขึ้น
          ๕. เลข 80 ที่อยู่ในกรอบข้างกล่องหมายถึงว่า รุ่นนั้นเขามีประสิทธิภาพสูงเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ จะประหยัดไฟกว่ารุ่นธรรมดา

          ๖. Watt มาก ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะกินไฟมากกว่า เป็นสเปคที่บอกว่าจ่ายไฟได้สูงสุดเท่าไหร่เท่านั้น

          ๗. power supply มักจะออกแบบมาให้จ่ายไฟได้มีประสิทธิภาพสูงสุดประมาณครึ่งหนึ่งของ rated watt เช่นรุ่น 500 Watt ก็จะไปทำงานได้ดีที่สุดช่วง 200-300 watt

 
เพาเวอร์ซัพพลาย : กี่วัตต์จึงจะพอ

มักจะมีคำถามว่า ควรใช้ เพาเวอร์ซัพพลายกี่วัตต์จึงจะพอ

ส่วนใหญ่ผู้ขายมักจะแนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีวัตต์มาก ๆ เข้าไว้ เพื่อป้องกันปัญหาวัตต์ไม่พอ ถ้าเป็น เพาเวอร์ซัพลาย ยี่ห้อธรรมดา ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็น เพาเวอร์ซัพพลาย ยี่ห้อดี ๆ ราคาก็จะต่างกันมาก แม้จะมีวัตต์ต่างกันเพียง 50 วัตต์

เมื่อตัดสินใจที่จะใช้ เพาเวอร์ซัพพลาย ยี่ห้อดี ๆ แล้ว ก็ควรมีความรู้ในการคำนวณหาความต้องการวัตต์ที่แท้จริงของพีซี ว่าต้องการใช้ เพาเวอร์ซัพพลาย กี่วัตต์กันแน่ จะได้ประหยัดเงินเอาไว้ซื้ออุปกรณ์อย่างอื่นที่จำเป็นจะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม หากเครื่องคอมพิวเตอร์ มีกำลังวัตต์ไม่เพียง ก็จะเป็นสาเหตุให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีอาการรวน ต่าง ๆ เช่น เครื่องค้าง (Hang) หน้าจอขึ้นสีฟ้า หรือมีอาการวูบดับไปเฉย ๆ เป็นต้น จึงต้องคำนวณหาจำนวนวัตต์ที่เพียงพอด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น